top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนสวัสดี โลก

แจกแพลนพาลูกเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 6 วัน 5 คืน



แจกแพลนพาลูกเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 6 วัน 5 คืน

กับ 22 จุดเช็คอิน ตะลุย 3 จังหวัด ในภูมิภาคคิวชูเหนือ ฟุกุโอะกะ โออิตะ และคุมาโมโตะ

แพลนทริปชิลล์ๆแบบฉบับคนมีลูกก็เที่ยวตามได้


Day 1

- สนามบินสุวรรณภูมิ

- สนามบินฟุกุโอกะ

- โรงแรม Prince Smart Inn Hakata

- ห้างคาแนลซิตี้ฮะกะตะ

Day 2

- เดินทางไป เที่ยวเบปปุ ( Beppu ) เที่ยวบ่อนรกทั้ง 7 บ่อ

[ Umi Jigoku , Oniishi Bozu Jigoku , Kamado Jigoku

, Oniyama Jigoku , Shiraike Jigoku , Chinoike Jigoku , Tatsumaki Jigoku ]

Day 3

- ถนนยุโนะทสึโบะ ไคโด ( Yunotsubo Kaido Street )

- ร้านโคร็อคเกะเจ้าดัง Yufuin Kinsho Croquettes

- Yufuin Floral Village

- ทะเลสาปคินริน

- Snoopy Village

Day 4

- ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)

- Kumamoto City Hall จุดถ่ายรูปปราสาทคุมะโมโตะ สำนักงานคุมะมง (Kumamon Square)

- สวนซุยเซนจิ (Suizenji Garden)

Day 5

- วัดนันโซอิน

- Tochoji Temple

- ศาลเจ้าคูชิดะ

- ร้านราเมน Ichiran Souhonten

Day 6

สนามบินฟุกุโอกะ – สนามบินสุวรรณภูมิ

แพรว ไมค์และน้องไพรซ์ บินไปฟุกุโอกะกับ Vietjet  ค่ะ

ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 ชม.เท่านั้น บินตรงเวลา ขึ้นเครื่องตอนค่ำ

ไปถึงฟุกุโอกะช่วงเช้า มีเวลาเที่ยวแบบเต็มวัน

เตรียมอ่านรายละเอียด พร้อมเก็บกระเป๋า ออกไปเที่ยวคิวชูเหนือกับเรา 3 คนกันเลยค่ะ




ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินเวียตเจ็ทค่ะทุกคน ก่อนเดินทางเราก็ไปใช้บริการห้องรับรองพิเศษที่ The Coral Executive Lounge ค่ะ ไม่ต้องกลัวหิวก่อนขึ้นเครื่องเลย

เพราะที่นี่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มแบบจัดเต็ม ที่สำคัญคือรสชาติอร่อยมาก อัตราค่าธรรมเนียมของห้องรับรองพิเศษนี้ สำหรับเส้นทางต่างประเทศที่ออกจากประเทศไทย ตั๋วเครื่องบินรหัส VZ ในบางเส้นทาง เพียงคนละ 1,200 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)


ขึ้นเครื่องแล้ว ทางพนักงานจะนำเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยสำหรับเด็กมาให้เราค่ะ พร้อมแล้วก็สั่งเมนูอาหารและเครื่องดื่มมากันเลย เมนูเครื่องดื่มอร่อย สดชื่นสุดๆ



เครื่องดื่มอร่อย อาหารรสชาติดี ทานเพลินๆเลยค่ะ



เมื่อไปถึงสนามบินฟุกุโอกะ เราก็นั่งรถบัสมาลงกันที่สถานีฮากะตะค่ะ สิ่งแรกที่เราต้องทำเลยคือการไปแลกตั๋ว JR Pass ซึ่งเราได้จองบัตร JR Northern Kyushu Rail Pass เที่ยวคิวชูเหนือแบบ 5 วันกับทาง Klook มาค่ะ จองง่าย ราคาดี สะดวกมาก เมื่อมาถึง JR Kyushu Ticket Offices เราก็แค่เตรียมพาสปอร์ต เครดิตการ์ดที่จองตั๋ว และตัว Voucher หรือ QR Code ที่เราจองมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ เราก็จะได้ตั๋ว JR Pass มาแล้วค่ะ


กดจองได้ที่ตรงนี้เลยทุกคนสะดวกมากๆ



โรงแรมที่เราพักในครั้งนี้คือ Prince Smart Inn Hakata ค่ะ เราพักที่นี่ที่เดียวกันยาวๆ 5 คืน ตัวโรงแรมอยู่ห่างจากสถานีฮากะตะแค่ 600 เมตรเท่านั้น เรียกว่าโลเคชั่นดีเว่อร์ เพราะอยู่ใกล้ร้านอาหาร ใกล้ห้าง ใกล้รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน



การเช็คอินก็สะดวกมากๆ เราสามารถเช็คอินได้ด้วยตัวเอง ที่นี่จะเข้าเช็คอินได้ตอนบ่าย 3 โมง สามารถนำกระเป๋าเดินทางมาฝากไว้ได้ก่อนเช็คอิน

ระหว่างรอก็สามารถนั่งเล่นหรือออกไปเที่ยวพลางๆก็ได้ค่ะ



สิ่งที่ทำให้เราเลือกที่จะพักที่นี่ นอกจากตัวโลเคชั่นที่ดีแล้ว ตัวห้องพักใหม่ ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า เตียงนอนนุ่มสบาย เครื่องนอนคือดีสุดๆ ในส่วนของห้องน้ำ

แบ่งสัดส่วนเป็นอย่างดี แยกระหว่างห้องอาบน้ำและห้องส้วมไว้คนละห้อง ที่ชอบมากๆคือห้องอาบน้ำ จะมี Rain Shower และฝักบัว (น้ำแรง อาบน้ำสะใจมาก) พร้อมครีมอาบน้ำและแชมพูสระผมไว้ภายในห้องด้วย



จากตัวห้องพักจะเห็นวิวเมืองฮากะตะ ทำให้เราไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ



ช่วงเย็นเราก็มาหาอะไรทานกันที่ห้างคาแนลซิตี้ฮากะตะค่ะ เป็นห้างที่ใหญ่มากๆ ไฮไลน์คือเค้าจะมีลานน้ำพุสุดอลังกาลกลางห้าง มีโชว์น้ำพุให้ดูตลอดเวลาเลยค่ะ ที่นี่เป็นห้างที่มีของขาย ของกินเยอะมาก ใครอยากช็อปปิ้ง หาอะไรทาน แนะนำเลยค่ะ



เช้าวันที่ 2 เราเดินทางมากันที่เมืองเบปปุค่ะ เมืองแห่งออนเซนแห่งนี้ตั้งอยู่ใน จ.โออิตะ เรานั่งรถไฟ JR Sonic-Nichirin จากสถานีฮากะตะ


ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ไปลงที่สถานีเบปปุ จากนั้นเราก็นั่งรถบัสต่อ ใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ลงป้าย Umi Jigoku Mae ก็มาถึง Beppu Jigoku Meguri แล้วค่ะ


(จริงๆถ้าบ้านไหนไม่อยากต่อบัสมา แพรวแนะนำให้นั่งแท็กซี่มาดีกว่า สะดวกกว่าและใช้เวลาน้อยกว่าด้วยค่ะ)


กดจอง JR Pass ได้ที่ตรงนี้เลยทุกคนสะดวกมากๆ



ก่อนเข้าไปชม Beppu Jigoku Meguri บ่อนรกทั้ง 7 นั้น

เราก็มาซื้อตั๋วกันก่อนค่ะ ค่าเข้าแต่ละบ่อจะอยู่ที่ 450 เยน/บ่อ แต่เราตั้งใจจะเที่ยวให้ครบทั้ง 7 บ่อ เลยซื้อแบบเหมา โดยค่าเข้าจะอยู่ที่ 2,000 เยน/คน เด็กเล็กแบบน้องไพรซ์ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

ตัวบัตรจะมีอายุ 3 วัน ใครอยากเที่ยวชิลล์ๆค่อยๆเก็บทีละบ่อก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเก็นให้ครบทุกบ่อภายในวันเดียวเหมือนเราก็ได้ค่ะ

เวลาเปิด-ปิด 8.00-17.00 น.


ตัวบ่อนรกทั้ง 7 จะแบ่งเป็น 2 โซนด้วยกัน โซนแรกจะมีทั้งหมด 5 บ่อ คือ


1. Umi Jigoku บ่อทะเลสีฟ้าสวย มีความลึกถึง 200 เมตร เป็นบ่อน้ำพุที่ใหญ่ที่สุด มีอุณหภูมิประมาณ 98 องศา


2.Oniishi Bozu Jigoku บ่อโคลนสีเทา มีความร้อนประมาณ 99 องศา


3.Kamado Jigoku บ่อเตาไฟนรก ตามตำนานเล่าว่าบ่อนี้เคยใช้เป็นที่ปรุงอาหารให้แก่เทพเจ้า ตรงจุดนี้จะมีบ่อหลากหลายสีให้ดูถึง 6 บ่อ และตรงบริเวณนี้ยังมีของกินขายเยอะมาก สิ่งที่ห้ามพลาดคือไข่ต้มและพุดดิ้งค่ะ อร่อยมากค่ะ


4.Oniyama Jigoku บ่อนรกจระเข้ ที่นี่จะเลี้ยงจระเข้กว่า 70 ตัว แต่ละตัวตัวใหญ่และอ้วนมากค่ะ


5.Shiraike Jigoku บ่อสีขาวสวย ที่มีความร้อนประมาณ 95 องศา เดินเข้าไปด้านใน จะมีอควาเรียมเล็กๆ แสดงพันธ์ุปลาต่างๆให้เราได้ชมด้วยค่ะ



บ่อน้ำร้อนอีก 2 บ่อ จะอยู่ไกลจาก 5 บ่อแรกประมาณ 2.8 กม. ค่ะ การเดินทาง เราสามารถนั่งรถบัสสาย 16A หรือ สาย 29 ไปลงที่ Chinoike Jigoku ได้เลยค่ะ หรือใครจะอยากนั่งแท็กซี่ไปก็ได้นะคะ รวดเร็วทันใจ สะดวกสุดๆ


6. Chinoike Jigoku บ่อสีส้มอมแดง หรือที่เค้าเรียกกันว่า บ่อเลือด มีสีสวยแปลกตา บ่อแห่งนี้เป็นบ่อน้ำร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีอุณหภูมิอยู่ที่ 78 องศา


7. Tatsumaki Jigoku บ่อนรกทอร์นาโด เป็นบ่อที่จะมีน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาทุก 30 นาที พุ่งสูงถึง 50 เมตร และมีอุณหภูมิสูงถึง 150 องศาเลยทีเดียว


ซึ่งก่อนเข้าไปชมบ่อน้ำร้อนทั้ง 7 นี้ ทางเจ้าหน้าที่จะให้ตั๋วพร้อมกระดาษแสตมป์ตามบ่อต่างๆด้วยนะ ใครไปเที่ยวเบปปุ อย่าลืมไปเก็บแสตมป์ให้ครบทุกบ่อด้วยน๊า



เช้าวันที่ 3 เราจะเดินทางไปเที่ยวกันที่ยุฟุอินกันค่ะ ซึ่งเราจองรถไฟขบวนพิเศษ Yufuin No Mori ไม่ทัน ก็เลยต้องนั่งรถไฟสาย Yufu Limited Express แทน ซึ่งรถไฟคันนี้จะเป็นขบวนสีแดง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. เราก็ถึงยุฟุอินแล้วค่ะ


กดจอง JR Pass ได้ที่ตรงนี้เลยทุกคนสะดวกมากๆ



ไปถึงแล้วเราจะเดินผ่าน ถนนยุโนะทสึโบะ ไคโด (Yunotsubo Kaido Street) ซึ่งถนนเส้นนี้จะมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนมเยอะแยกมากมาย เรียกว่ามาแล้วไม่ต้องกลัวหิวเลยค่ะ แต่เราตั้งใจอยากไปกินร้านโคร็อคเกะเจ้าดัง Yufuin Kinsho Croquettes ก็เลยพุ่งตัวไปร้านนี้ก่อนเป็นอันดับแรกเลยจ้า



ใกล้กับร้านโคร็อคเกะ เราก็จะเจอกับ Yufuin Floral Village ที่นี่จะให้ฟีลร้านค้าในการ์ตูนสุดๆ ถ่ายรูปมุมไหนก็ดี มุมไหนก็น่ารัก แถมด้านในยังมีของขาย และมีสัตว์หลากหลาย ทั้งเป็ด นกฮูก กระรอก กระต่าย ให้เด็กๆได้ดูด้วย ถูกใจน้องไพรซ์สุดๆไปเลยค่ะ



ดูสิทุกคน ร้านมันน่ารักมากเลยแหละ



หลังจากหาอะไรทานเสร็จแล้ว เราก็เดินเข้ามาที่ทะเลสาปคินรินค่ะ



ทะเลสาปน้ำอุ่น ท่ามกลางภูเขาใหญ่ เห็นใบไม้เปลี่ยนสี หมอกขาวๆลอยเหนือน้ำ ท่ามกลางอุณหภูมิ 7 องศา บรรยากาศมันดี๊ดีค่ะทุกคน



ด้านข้างทะเลสาป จะมีศาลเจ้าเล็กๆตั้งอยู่ มีเสาโทริอิเก่าแก่อยู่กลางน้ำ ตอนช่วงที่เราไป นกมาเกาะอยู่ที่เสาโทริอิพอดี น้องน่ารักมากเลย เรานั่งเล่น นั่งถ่ายรูปตรงนี้กันเพลินๆเกือบ 2 ชม.เลยค่ะ



ใครมาเที่ยวทะเลสาปคินริน อยากให้มาตรงจุดนี้จริงๆ บรรยากาศมันดี มันชิลล์ มันแฮปปี้มากเลยค่ะทุกคน



ตอนแรกแพรวก็เข้าใจว่าน้ำเย็นจนไอหมอกขึ้น แต่พอลองเอามือจุ่มเท่านั้นแหละ อยากจะเอาตัวลงไปแช่เลยค่ะ น้ำอุ่นสบายมาก



หลังจากเดินกลับจากทะเลสาปคินริน เราก็มาแวะที่นี่ Snoopy Village ที่นี่คือน่ารักมาก มีของใช้ ของฝาก ของกระจุ๊กกระจิ๊กที่เป็นสนู๊ปปี้เต็มร้านเลย แถมไอติมกับพุดดิ้งที่นี่ก็อร่อยมาก อยากให้ทุกคนมาลอง



หลังกลับจากยุฟุอิน เราก็มาจองตั๋วรถไฟ Shinkansen เพื่อเดินทางไปคุมะโมโตะในวันถัดไปค่ะ ซึ่งเราจะใช้ JR PASS ของเราในการจอง ซึ่งตัว JR PASS ของเราสามารถใช้ได้กับรถไฟท้องถิ่น รถไฟด่วนพิเศษ รถไฟ Kyushu Shinkansen (สถานี Hakata - สถานี Kumamoto)

ที่นั่งแบบจองและไม่จองบนรถไฟ Nishi Kyushu


Shinkansen (สถานี Takeo-onsen -สถานี Nagasaki)



ซึ่งการไปคุมาโมโตะด้วยรถไฟ Shinkansen ใช้เวลาเดินทางแค่ 38 นาทีเท่านั้น ซึ่งหากเรานั่งรถไฟ JR ทั่วไฟ จะใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ครึ่งเลยทีเดียว ถือว่าประหยัดเวลาไปเยอะเลยค่ะ



กดจอง JR Pass ได้ที่ตรงนี้เลยทุกคนสะดวกมากๆ



เช้าวันที่ 4 เราก็เดินทางมาที่คุมาโมโตะค่ะ มาถึง Kumamoto Station แล้ว เราก็ตรงไปที่ Information Center เพื่อที่จะซื้อ Kumamoto City Tram 1 Day Pass หรือบัตรนั่งรถรางชมเมืองคุมาโมโตะภายใน 1 วันนั่นเอง ค่าบัตรสำหรับผู้ใหญ่ อยู่ที่ 500 เยน/คนค่ะ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากซื้อ Day Pass ก็จะมีค่าโดยสารรถรางต่อเที่ยวเริ่มต้นอยู่ที่ 180 เยน/คนค่ะ



รถรางหน้าตาน่ารัก วิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วเมืองคุมาโมโตะ ซึ่งตัวรถรางจะมีทั้งหมด 2 สาย คือ A Line คันสีแดง และ B Line คันสีน้ำเงินค่ะ


ถ้าใครมาลงที่ Kumamoto Station ให้นั่งคันสีแดง (A Line) ก่อนน๊า ซึ่งรถรางสาย A และสาย B จะเดินทางไปบรรจบกันที่ป้ายที่ 8 Karashimacho ค่ะ ใครอยากจะเปลี่ยนไปนั่งสาย B ให้ลงที่ป้ายนี้ได้เลย



มาเที่ยวคุมาโมโตะ ไม่ต้องกลัวหลง เพราะเค้ามีคู่มือท่องเที่ยวเมืองคุมาโมโตะฉบับภาษาไทย ให้คนไทยอย่างเราอ่านข้อมูลค่ะ ซึ่งคู่มือนี้เราสามารถขอจาก Information Center ตอนเราซื้อตั๋วรถรางที่สถานีคุมาโมโตะได้เลยค่ะ


หรือถ้าต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมลองทักไปสอบถามได้ที่เพจ



ที่แรกที่เราเดินทางมาก็คือปราสาทคุมาโมโตะ ซึ่งเรานั่งรถรางมาลงป้ายที่ 10 Kumamoto Castle Ciy Hall เดินอีกประมาณ 15 นาทีก็ถึงตัวปราสาทคุมาโมโตะค่ะ

ค่าเข้าปราสาทคุมาโมโตะ 800 เยน/คน



ตัวปราสาทอายุกว่า 400 ปีสวยมากค่ะทุกคน ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี



ด้านในตัวปราสาทจะมีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นจะบอกความเป็นมา การก่อสร้าง เรื่องราวต่างๆของตัวปราสาทให้เราได้ชม และสิ่งที่แพรวชอบมากก็คือทางเดินทั่วทั้งตัวปราสาท มีทางสำหรับรถเข็น มีลิฟท์ที่ให้ความสะดวกสบายต่อคนที่มีลูกเล็ก มีรถเข็นเด็ก คนที่นั่งวีลแชร์ เรียกว่าสามารถเที่ยวชมได้ทุกส่วนของตัวปราสาทเลยค่ะ



ไปต่อกันที่ Kumamoto City Hall ตรงจุดนี้จะเป็นจุดสำหรับชมตัวปราสาทคุมาโมโตะจากระยะไกล เป็นอีกหนึ่งจุดที่ถ่ายรูปปราสาทสวยมาก ซึ่งจุดนี้จะอยู่บริเวณชั้น 14 ของศาลากลางคุมาโมโตะค่ะ



วันที่เรามาฝนตกทั้งวัน ฟ้าไม่แจ่มใสเลย ที่จริงถ้ามาในวันอากาศดี ด้านหลังตัวปราสาทจะมองเห็นวิวภูเขาสวยด้วยนะ



ไปต่อกันที่คุมะมงสแควร์ เราตั้งใจพาน้องไพรซ์ไปหาพี่หมีคุมะมง มาสคอตคนดังของเมืองคุมะโมโตะ นอกจากจะไปดูพี่หมีคุมะมงเต้นแล้ว ที่นี่ยังมีสินค้าเกี่ยวกับพี่หมีขายด้วยนะ


การเดินทางไปที่นี่ให้เรานั่งรถรางไปลงป้ายที่ 12 Suidocho ค่ะ



เราไปถึงได้จังหวะพอดี พี่หมีคุมะมงกำลังออกมาเต้นให้ความสุขกับทุกคนที่ได้ไปดู น่ารักมากกกกก ขนาดแพรวยืนดู ยังมีความสุขไปด้วยเลย



หลังจากดูพี่หมีคุมะมงเต้นเสร็จแล้ว ก็ขอมาถ่ายรูปซักหน่อย



แล้วเราก็เดินทางไปต่อที่สวนซุยเซ็นจิ นั่งรถรางมาลงป้ายที่ 18 Suizenji Park เดินต่อประมาณ 4 นาทีเราก็ถึงแล้วค่ะ ซึ่งที่นี่จะมีค่าเข้าคนละ 400 เยน/คน



สวนซุยเซนจิ เป็นสวนขนาดใหญ่สวยงาม ที่นี่มีทะเลสาบเอะสึโกะที่มีน้ำผุดขึ้นมาปริมาณ 4 แสนตันในแต่ละวัน เกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามของสวนญี่ปุ่นในทุกฤดูกาล ซึ่งรอบๆสวนจะมีสัตว์หลายชนิดให้เราได้ชม ทั้งเป็ด ปลา กระรอกและนกต่างๆ



บอกเลยว่าเป็นสวนที่เหมาะกับการพาลูกมามากๆ ปลาคาร์ฟตัวใหญ่ๆเยอะมาก น้องไพรซ์นี่แฮปปี้สุดๆ



บรรยากาศคือดีมากทุกคน ภูเขาเล็กๆด้านหลังเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลสวย วันที่แพรวมาอากาศไม่ถึง 10 องศา เดินสบาย เพลินมาก



เช้าวันที่ 5 วันนี้เราขอเที่ยวในเมืองฟุกุโอกะกันค่ะ โดยที่แรกที่เรามาก็คือ วัดนันโซอิน



วัดนันโซอินอยู่ในเมืองซาซะกูริ (Sasaguri) จังหวัดฟูกุโอกะ (Fukuoka) มีพระพุทธรูปทองสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูง 11 เมตร ความยาว 41 เมตร และมีน้ำหนักถึง 300 ตัน วัดนันโซอิน เป็นหนึ่งใน 88 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองซาซากุริ ที่ผู้คนจะเดินทางมาไหว้พระหรือสารภาพบาปกันมาตั้งแต่ในอดีต เป็นขนบธรรมเนียมที่สืบต่อกันมากว่า 180 ปีค่ะ ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศพม่า เชื่อว่าหากได้มากราบไหว้แล้วจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตค่ะ



อากาศเย็นๆ สาวน้อยของเราแฮปปี้มากค่ะ



บริเวณเท้าของพระนอนจะมีลวดลายต่างๆ ลวดลายเหล่านี้สื่อถึงหัวใจของคำสอนและความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้าค่ะ



กลับเข้าตัวเมืองฮากะตะ เรามากันต่อที่วัดโทโชจิ (Tochoji Temple) วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักมาขอพรให้มีอายุยืนยาวค่ะ แต่วันที่เราไป ทางวัดปิดไม่ให้เข้าชมพระพุทธรูปซะงั้น



ไปต่อกันที่ศาลเจ้าคูชิดะ ถือเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองฟูกุโอกะเลยค่ะ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.757 เชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้จะคุ้มครองให้สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และประสบความสำเร็จในชีวิต ทำให้คนส่วนใหญ่มักมาขอพรให้มีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จในธุรกิจอยู่ตลอดทั้งปีค่ะ วันที่เราไป มีคนมาขอพรกันเยอะมากเลยค่ะ



ปิดท้ายวันที่ 5 ด้วยการพาทุกคนมากินราเมนเจ้าดังของเมืองฟุกุโอกะ Ichiran Souhonten ราเมนสุดอร่อย ที่เราเข้าแถวรอคิวนานเป็นชั่วโมง



ซึ่งก่อนเราจะเข้าไป ทางพนักงานจะให้ใบออเดอร์สำหรับตัวราเมนมาค่ะ เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการรสชาติซุปแบบไหน เผ็ดรึเปล่า เลือกความนิ่มของเส้นใส่หมูชาชูมั้ย ใส่ต้นหอม ใส่กระเทียมรึเปล่า (แพรวแนะนำให้วงกลมตามที่ทางร้านแนะนำมาเลยค่ะ รับรองว่าอร่อย) ซึ่งใบออร์เดอร์นี้ เราจะนำไปยื่นให้พนักงานตอนได้โต๊ะนั่งเรียบร้อยแล้วอีกครั้งนึงค่ะ



บอกเลยว่าอร่อยสมคำล่ำลือ ชามใหญ่สะใจ อิ่มพุงตึงกลับที่พักแน่นอนค่ะ



เช้าวันที่ 6 เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อเดินทางไปสนามบินฟุกุโอกะ ไฟลท์บินของเราออกตอน 8.55 น. ออกตามเวลาเป๊ะ เดินทางมาถึงไทยบ่ายโมงตรง อิ่มอร่อย สะดวกสบายตลอดการเดินทาง



ดู 15 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page